B ดีเดย์ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน12-16มิ.ย. นี้ ลั่นพร้อมเดินหน้าโฟกัสธุรกิจใหม่หนุนเติบโตยั่งยืน
B ดีเดย์ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน12-16 มิ.ย นี้ ชี้หลังเพิ่มทุนสำเร็จ ปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าโฟกัสการลงทุนใหม่ๆ เผยมูลค่าหุ้นทางบัญชี หรือบุ๊คแวลู อยู่ที่ 0.62 บาท สูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน 6 เท่า ย้ำวัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุนชัดเจน ปูทางสู่ผู้นำธุรกิจขนส่ง-พลังงาน-สาธารณูปโภค ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนการขายหุ้นบียอน ถือเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจในกลุ่มให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์หลักของกลุ่ม B
ดร.ปัญญา บุญญาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี จิสติกส์ จำกัด (มหาชน)หรือ B เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้น B ที่มีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิซื้อจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน สามารถชำระเงินค่าหุ้นได้ตั้งแต่วันที่ 12-16 มิถุนายน 2566 ตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละราย (Right Offering) หรือ RO ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 6 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.06 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 1,245.6 ล้านบาท
ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์การเพิ่มทุนในครั้งนี้มีความชัดเจน และหากเพิ่มทุนสำเร็จจะทำให้ปัจจัยพื้นฐานของกลุ่ม B มีความแข็งแกร่ง ปูทางสู่ผู้นำธุรกิจขนส่ง-พลังงาน-สาธารณูปโภค ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเงินเพิ่มทุนหลักๆสัดส่วน 46% เพื่อซื้อหุ้นของบริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 570.4 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการลงทุนเพิ่มในครั้งนี้ ส่งผลให้ให้ B ถือหุ้นใน เดอะ เมกะวัตต์สัดส่วน 70.16% ส่วนเงินเพิ่มทุนที่เหลือใช้เพื่อขยายกิจการและลงทุนในอนาคต
“กลุ่ม B ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับธุรกิจในกลุ่มให้มีความแข็งแกร่ง และการตัดสินใจลงทุนเพิ่มใน เดอะ เมกะวัตต์ เพราะเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์โลกและอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของกลุ่ม B ที่มุ่งเน้นลงทุนพลังงานสีเขียวและสาธารณูปโภค (Green Energy and Utilities ) นำมาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในกลุ่ม B โดยปี 2565 บริษัทเดอะเมกะวัตต์ มีกำไรสุทธิ 147.9 ล้านบาท และในปี 2566 ประมาณการว่าจะมีรายได้เติบโต 25%” ดร.ปัญญา กล่าว
นอกจากนี้ที่ผ่านมากลุ่ม B ยังได้มีการขายหุ้นทั้งหมดของ บริษัทบียอนด์ แคปปิตอล จำกัด ให้กับ บริษัท อัลลาย เทคโนโลยี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รวมมูลค่า 315 ล้าน ซึ่งถือเป็นการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในกลุ่มให้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของกลุ่ม B ที่ต้องการให้บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านกรีน โลจิสติกส์ (Green Logistics) พลังงานสีเขียวและสาธารณูปโภค(Green Energy and Utilities) รวมทั้งธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นทิศทางหลักของโลก โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นดังกล่าว บริษัทจะนำมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจด้านการขนส่ง การบริหารจัดการแหล่งน้ำ และการลงทุนในกิจการพลังงาน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
ดร.ปัญญา กล่าวต่อว่า ปัจจัยพื้นฐานด้านการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นสุดไตรมาส1/2566 มูลค่าหุ้นทางบัญชีหรือ Book Value อยู่ที่ 0.62 บาท สูงกว่าราคาในตลาดเกือบ 6 เท่า
ที่มา : https://stockfocusnews.com/archives/174118